รู้จักกับการเปิดโหมด Deep Work เพื่องานที่เรารักกันเถอะ

Share on facebook
Share on twitter

Highlights:

  • เพราะสมองของมนุษย์เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำอะไรหลายอย่างได้พร้อมกัน
  • คาล นิวพอร์ต (Cal Newport) ได้พบว่าการที่คนเราจะจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งในระยะเวลานานนั้น เป็นความสามารถที่จะทำให้คุณได้เปรียบอย่างมาก
  • Deep Work เหมาะกับสายงานแบบไหนกันนะ?
  • การโฟกัสที่คุณภาพเป็นอะไรที่สำคัญ ‘มากกว่า’ ปริมาณ

จริงอยู่ที่การเป็น ‘Multitasker’ ในเวลานี้ค่อนข้างเป็นอะไรที่จำเป็นอย่างมากในยุคที่การแข่งขันสูงแบบนี้ การที่จะทำให้เราเป็นที่จับตามองขององค์กรนั้น ยิ่งมีผลงานเยอะ ก็อาจจะยิ่งถูกมองว่ามากประสบการณ์ก็เป็นได้ แต่ในความเป็นจริง การทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันมักจะให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพน้อยกว่า เพราะสมองของมนุษย์เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำอะไรหลายอย่างได้พร้อมกันยังไงล่ะ!

ดังนั้น… จะดีกว่าไหมหากเราหันมาโฟกัสงานอย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาเดียวด้วย Deep Work?

หากเราค้นหาคำว่าในอินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่จะเจอเกี่ยวกับ Deep Work คงหนีไม่พ้นหนังสือชื่อดังของ คาล นิวพอร์ต (Cal Newport) ที่ชื่อว่า “Deep Work – Rules for focused success in a distracted world” โดยทฤษฏี Deep Work นั้น คาล ได้พบว่าการที่คนเราจะจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งในระยะเวลานานนั้น เป็นความสามารถที่จะทำให้เราได้เปรียบอย่างมาก เพราะถือเป็นสกิลที่มีค่าต่อการทำงาน และเป็นสิ่งที่หายากในปัจจุบัน ด้วยโลกเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นสิ่งเร้าต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ความสามารถที่คนเราจะโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานๆ เป็นอะไรที่หาได้ยากมากขึ้น

แล้ว Deep Work เหมาะกับสายงานแบบไหนกันนะ?

การจัดสรรเวลาถึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งหากคุณสนใจอาชีพ หรือ สายงานที่มีเวลาทำงานไม่แน่นอน การเริ่ม Deep Work ถือเป็นอะไรที่ควรค่ามาก เรามาดูตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ จากสายงานดังต่อไปนี้:

  • Coding/Web Developer: สายงานนี้กว่าจะผลิตงานแต่ละชิ้นออกมาได้นั้น เราต้องใช้เวลากับมากอยู่แล้ว เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาหนึ่งอย่างในการเขียนคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ เราอาจจะต้องกลับไปแก้ไขคำสั่งนั้นๆ ตั้งแต่เริ่มเลยก็เป็นได้
  • Graphic Designer: จริงอยู่ที่บรรดากราฟิก ดีไซน์เนอร์ ต้องทำงานแข่งกับลูกค้า เอ๊ย! แข่งกับเวลา ยิ่งเวลาหลังจากได้รับบรีฟลูกค้ามาแล้ว บางครั้งบรีฟที่ได้มาอาจจะกว้างมาก  หรือลูกค้าแทบจะไม่ได้บรีฟอะไรเลย ทำให้บางครั้งคนทำงานในสายงานนี้ต้องหัวหมุนไปกับการหาไอเดียมากมายไปนำเสนอลูกค้าในระยะเวลาอันแสนสั้น ยิ่งพอต้องหาความคิดสร้างสรรค์ มากมายมาเสนอลูกค้า ภายใต้เวลาอันน้อยนิด คุณภาพในงานที่ออกมาอาจจะไม่ดีเท่ากับปริมาณที่เรานำไปเสนอ เพราะข้อผิดพลาดก็มักจะมีมากตามไปด้วย
  • Writer/Content Creator: การเขียนเรื่องราวอะไรออกมานั้น เป็นสิ่งที่ต้องใช้สมาธิอย่างมาก อย่างการเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง นักเขียนอาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ  เพราะการสร้างเนื้อเรื่อง และเชื่อมโยงตัวละครเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลามหาศาลในการผูกกันเข้ามา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เจ. เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling) ถึงใช้เวลากว่า 6 ปี ในการรังสรรค์โลกเวทมนตร์ ของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ทั้งหมด ก่อนที่จะวางขายเล่มแรกในปี 1997  ยาวมาจนถึงเล่มที่ 7 ในปี 2007 จนเป็นที่รักทั้งคอหนังสือ และคอภาพยนตร์มาจนถึงทุกวันนี้

“Quality is more important than quantity. One home run is much better than two doubles.”Steve Jobs

ดังที่ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ได้กล่าวไว้นั่นแหละ การโฟกัสที่คุณภาพนั้นเป็นอะไรที่สำคัญ ‘มากกว่า’ ปริมาณ ดังนั้นเราควรจะเริ่มเข้าใจตัวเองก่อนว่าสไตล์การทำงานของเราเป็นแบบไหน หรืองานชิ้นไหนจำเป็นต่อการเริ่มแบบ Deep Work มากที่สุด

ฟังดูแล้วน่าสนใจใช่ไหมล่ะ?

อ้างอิง:

https://www.bustle.com/articles/182132-how-long-did-it-take-to-write-harry-potter-this-infographic-will-tell-you

เมื่อ Gen Z บอกว่า “หมาแมว” ดีกว่ามีลูก เพราะพวกเขาไม่ได้แค่เลี้ยงสัตว์ แต่เลี้ยงฝันให้กลายเป็นจริง

เมื่อ Gen Z บอกว่า “หมาแมว” ดีกว่ามีลูก เพราะพวกเขาไม่ได้แค่เลี้ยงสัตว์ แต่เลี้ยงฝันให้กลายเป็นจริง ถ้าคุณคิดว่าเจ้าหมาหรือแมวที่บ้านของคุณเป็นแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา คุณอาจไม่ได้เกิดในยุคของ Gen Z เพราะสำหรับคนรุ่นนี้ หมากับแมวไม่ใช่แค่เพื่อนซี้ แต่คือโปรเจกต์สร้างความสุข ไลฟ์สไตล์ และความยั่งยืนที่ต้องเป๊ะทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์ ตามรายงานจาก The Sun

Breaking orthodoxies จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..? – มาหัดตั้งคำถามให้องค์กรเติบโตกันเถอะ

Highlights: ด้วยโลกในปัจจุบัน บางบริษัทเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าปรับตามให้ทันยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการรักษาตำแหน่งทางการตลาดในปัจจุบัน และขอแค่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มีอยู่มากกว่าที่จะคว้านหาการสร้างโอกาสใหม่ และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่มักจะทำให้พวกเขาต้องถึงทางตันในการทำธุรกิจ ดังนั้น ทางออกแบบไหนกันที่จะทำให้องค์กรที่ไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้เติบโตได้? รู้จัก Breaking Orthodoxies (การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ) การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ การท้าทายและตั้งคำถามถึงวิธีการทำสิ่งต่างๆ แบบเดิมๆ ออร์ทอดอกซ์เป็นข้อสันนิษฐาน หรือความเชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นจริงในอุตสาหกรรม ตลาด

รู้จัก ‘Penguin Effect’ จากคนธรรมดาพัฒนาเป็นเพนกวินผู้กล้า!

Highlight: ที่มาที่ไปของ Penguin Effectเพนกวินเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีพฤติกรรมน่าสนใจ และทำให้เราขมวดคิ้วอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการณ์นี้ เรียกว่า ‘Penguin Effect’ ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของมนุษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ! นกเพนกวินแม้ในขณะที่หิวโหยยังสามารถยืนท้าลมหนาวเป็นเวลานานบนชายฝั่ง หรือแผ่นน้ำแข็งร่วมกับฝูง พร้อมทั้งคอยพยายามผลักและดันตัวที่อยู่ข้างหน้าลงไปในน้ำ ซึ่งสาเหตุมาจากที่พวกมันไม่กล้ารีบเข้าไปเอง เพราะกลัวนักล่าอย่าง แมวน้ำ, สิงโตทะเล ,วาฬเพชฌฆาต หรือ แม้แต่ฉลาม