‘ลาหยุด’ อย่างไรให้ดีต่อใจและการงาน?!

Share on facebook
Share on twitter

Highlights:

  • ภาวะหมดไฟในการทำงานมีมากขึ้นเรื่อยๆ และวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนวัยทำงานคือการรีเซ็ตและเติมพลังด้วยการใช้เวลาลาพักจากงานเพื่อมุ่งเน้นไปที่การพักผ่อนสุขภาพทั้งกายและใจ
  • ทุกคนมีวิธีการพักผ่อนแตกต่างกัน ในขณะที่คนหนึ่งอาจชอบวันหยุดยาวสักสองสามช่วงตลอดทั้งปี แต่คนอื่นก็อาจจะต้องการพักผ่อนในบางช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่สม่ำเสมอก็เป็นได้

ในวันหยุดพักผ่อน ไม่ว่าใครก็สามารถหลีกหนีจากความเครียดและตัดขาดจากการทำงานได้ด้วยการลาพักร้อน ซึ่งการลาหยุดนี้ช่วยคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าข้อดีที่แท้จริงของการลาพักจากงานนั้นมีอะไรบ้าง? ยกตัวอย่างเช่น:

  • วันหยุดเพิ่มพลังงาน: การวิจัยพบว่า วันหยุดพักผ่อนช่วยเติมพลังงานให้กับเราหลังจากที่ใช้สมองมาราธอนมาเป็นเวลานาน ทำให้การทำงานง่ายขึ้นเมื่อเรากลับไปนั่งหน้าจอ หรือเข้าออฟิฟิศ
  • วันหยุดสามารถช่วยให้เรามีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่ดีขึ้น: นอกจากนั้นการถือโอกาสคลายเครียดและใช้เวลากับคนที่เรารักสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายได้ มากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ในเพศชาย และมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับเพศหญิง เริ่มมองหาสถานที่พักผ่อนซะ
  • วันหยุดทำให้มีโอกาสปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน: ในเมื่อเราไม่อยู่ก็ต้องมีคนสแตนด์บายทำงานแทนใช่ไหม? ซึ่งหมายความว่าเราต้องรวบรวมวางแผนกระบวนการของเราสำหรับเพื่อนร่วมงานที่จะมาช่วยคัฟเวอร์ระหว่างเราไม่อยู่ให้เขาได้เข้าใจ และรับรู้ถึงงานที่เรากำลังทำว่ามีอะไรบ้าง เพราะแบบนี้เอง ทำให้เรามีฝึกทำเทรนนิ่ง สร้าง workflow และยังช่วยให้คนอื่นเสริมสร้างสกิลอื่นขึ้นมาใหม่จากการทำงานแทนเรา

วันหยุดในอุดมคติของพวกเราเพื่อขจัดความเครียด และสภาวะหมดไฟ

จากผลสำรวจของ Mercer ใน Linkedin พบว่า 64 เปอร์เซ็นต์ ของ พนักงานออฟฟิศเลือกที่จะมีวันหยุดแบบไม่มีแผนตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวันลาวันไหน เดือนไหนก็ได้อย่างไม่เฉพาะเจาะจงเพื่อแก้ปัญหาสภาวะหมดไฟ

นอกจากนั้น ยังมีการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยคาลการี (University of Calgary) ที่สามารถยืนยันได้ว่า การลาพักร้อนไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อระดับความเครียดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันความเหนื่อยหน่ายทางอารมณ์และหน้าที่การงาน ภาวะซึมเศร้า และการนอนไม่หลับอีกด้วย แต่ทั้งหมดนี้ใช้กับการพักผ่อนที่แอคทีฟเท่านั้น เพราะหากเราแค่ใช้เวลาช่วงวันหยุดทั้งหมดเอนกายลงบนเตียงนอน หรือนั่งเล่นเกมทั้งวันแล้วล่ะก็โอกาสที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า หรือความเหนื่อยหน่ายจะยังคงมีอยู่เท่าเดิม เผลอๆ อาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ

ลาหยุดแบบไหน และควรมีระยะเวลาเท่าไหร่?

บอนักวิทยาศาสตร์ไม่มีคำตอบให้แน่ชัด โดยทั่วไปมีสองแง่มุม บางวิจัยก็พบว่าบางคนชอบแบ่งวันหยุดออกเป็นช่วงสั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ หรือบางคนเลือกที่จะลาหยุดระยะยาว 1 ถึง 2 ครั้ง ต่อปีเท่านั้น อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า การตัดสินใจไปเที่ยวพักผ่อนจะขึ้นอยู่กับเราเพียงคนเดียว แต่ท้ายที่สุดแล้วยังมีข้อจำกัดและความยากลำบากในการพิจารณาว่า เราสามารถใช้เวลาพักร้อนได้นานแค่ไหน โดยบางครั้ง ปัจจัยอื่นๆ อย่างสมาชิกในครอบครัว และสถานการณ์ทางหน้าที่การงานของเราเอง ก็มีผลต่อการตัดสินใจที่จะเลือกวันหยุดเช่นกัน เพราะการพักผ่อนอย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญต่อหน้าที่การงาน สุขภาพ และอารมณ์ที่ดีของเรา หากเราสามารถกระจายงานบางส่วนให้กับเพื่อนร่วมทีม จัดลำดับความสำคัญว่าอะไรควรทำก่อน  แล้วจงใช้เวลาว่างไปกับการพักผ่อน ทั้งเราและงาน จะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ไม่ต่างกัน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผลการศึกษามากมายแค่ไหน ไม่ว่าจะเลือกลาหยุดแบบไหน อย่าลืมนึกถึงตัวเองก่อนเป็นหลัก เพราะไม่มีวิธีใดถูกหรือผิด 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคิดจะพักผ่อนแล้ว ก็ให้ความสนใจไปที่ความต้องการและความรู้สึกของตัวเองด้วยล่ะ!

อ้างอิง:

Metcalf, M. (2023). Which is better: one long holiday, or lots of short ones? Timetastic. https://timetastic.co.uk/blog/which-is-better-one-long-holiday-or-lots-of-short-ones/ 

Stych, A. (2019, June 19). Random days off are nearly as popular as summer vacations. Biz Journals.  https://www.bizjournals.com/bizwomen/news/latest-news/2019/06/random-days-off-arenearly-as-popular-as-summer.html?page=all 

ใช้ Design Thinking ในชีวิตประจำวัน… ยังไงนะ?

Highlights: Design Thinking คืออะไร? Design Thinking คือ การคิดเชิงออกแบบเป็นเทคนิคการแก้ปัญหาที่ผสมผสานตรรกะ สัญชาตญาณ และการใช้เหตุผลอย่างเป็นระบบ เมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้น เราก็สามารถนำเสนอแนวทางการแก้ไขได้เป็นอย่างดี แก้ได้ถูกจุด และเป็นการค้นหาแนวทางการแก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่อาจจะไม่เคยเจอมาก่อน ผ่าน 5

5 อาชีพไหน ที่ A.I. จะยังมาแทนที่มนุษย์ไม่ได้!

อย่างที่ทราบกันดีในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ และ A.I. ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะและบทบาทของงานแทบจะทุกสายงาน ระบบ A.I. สามารถประมวลผลข้อมูลนับล้านภายในไม่กี่วินาที กลับกันถ้าเป็นมนุษย์ ก็คงใช้เวลานานกว่ามาก  ระบบอัตโนมัติและ A.I. กำลังกระตุ้นการปฏิวัติครั้งใหม่ตั้งแต่ไอทีไปจนถึงการผลิต ทำให้ความต้องการในตลาดแรงงานนั้นลดน้อยลงในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นเทรนด์นี้ก็น่าจะทำให้ผู้คนกังวลเรื่องความมั่นคงในงานไม่มากก็น้อย แม้ว่าสกิลด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีจะเป็นสกิลที่มีความต้องการสูงมากในอนาคตอันใกล้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะอาชีพที่ยังต้องการมนุษย์นั้นจะลดน้อยลง สาเหตุหลักๆ ก็เพราะว่า

4 วิธีสร้าง productivity ด้วยตัวเอง ส่งตรงจากมือถือ

Highlights: โดยปกติแล้วคนเรามักจะเริ่มหยิบเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมาในยามที่ไม่รู้จะทำอะไร หรือบางทีการเล่นโทรศัพท์มือถืออาจจะเกิดขึ้นจากการที่เรากำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากข่าวสารที่ตึงเครียด หรืออยากหนีจากความวุ่นวายรอบๆตัว และด้วยสาเหตุพวกนี้แหละ มันมักจะเริ่มต้นด้วยการที่เราเลื่อนโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีมันก็กินเวลาไปมากแล้ว การไถหน้าจอไปเรื่อยๆ เป็นผลมาจากการที่เราไม่มีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงในการใช้มือถือ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้เวลาของเราซะเลย ด้วยสาเหตุพวกนี้แหละส่งผลให้การเลื่อนดูสมาร์ทโฟนไปอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายมักจะเกิดขึ้นกับพวกเราในยุคนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใครว่าเราไม่สามารถสร้าง productivity จากสมาร์ทโฟนของพวกเราเองได้? จริงๆแล้ว สมาร์ทโฟนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันมันมีประโชน์มากกว่าที่เราคิดซะอีก เพราะในโทรศัพท์ของเรายังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย และสามารถสร้าง productivity