ลำบากแล้วไง? มารู้ข้อดีของการแชร์ ‘Struggle’ ให้คนอื่นกัน

Share on facebook
Share on twitter

Highlights:

  • Struggle หรือความยากลำบาก ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย การเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้คนอื่นฟังก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทุกๆคนต่างกำลังเผชิญทั้งเรื่องดีและไม่ดีอยู่ก็ได้
  • บทความนี้ต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจว่าทำไมคนเราควรบอกหรือเล่า Struggle ให้ผู้อื่นฟัง

เคยรู้สึกกันไหมว่าเวลาเรามีเรื่องร้ายๆ เข้ามาในชีวิต เราต้องการที่จะแบ่งปันความกังวลเหล่านี้กับคนใกล้ชิด เช่น ปัญหาเรื่องสุขภาพ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ปัญหาทางด้านการเงินที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ว่า เราไม่ได้ประสบความสำเร็จมากพอ หรือไปจนถึงเรื่องอื่นๆ ที่สามารถก่อให้เกิดความวิตกกังวลหรือซึมเศร้าต่อตัวเองได้ เราอยากจะแชร์ให้คนรอบข้างรับรู้ไหมนะ?

แน่นอนว่าเมื่อเราได้พูดคุยกับใครบางคนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เรามักจะรู้สึกผ่อนคลายลงไม่มากก็น้อยที่ได้กำจัดก้อนภูเขาเหล่านั้นออกจากตัวเอง และแม้จะแค่ชั่วคราว แต่เพียงแค่ได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์ ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกว่า เฮ้ย! มีคนที่รับฟังเราอยู่นี่นา.. 

อย่างไรก็ตาม ในโลกอีกมุมหนึ่ง การได้นำเรื่องลบๆ ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับตัวเราไปแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้ จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร หากเราสื่อสารออกไปอย่างถูกวิธี เรื่องราว หรือปัญหาเหล่านั้น อาจจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นก็ได้

‘Struggle’ หรือความยากลำบากไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย หากเราได้ข้ามผ่านช่วงเวลาต่างๆ เหล่านั้นมาแล้ว หรืออาจะยังเผชิญกับสิ่งนั้นอยู่ แต่การเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้คนอื่นฟังก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทุกๆคนต่างกำลังเผชิญทั้งเรื่องดีและไม่ดีอยู่ก็ได้

  • เราสามารถเป็นแรงผลักดันให้ผู้อื่นได้: การแบ่งปันเรื่องราวของเราจะทำให้คนอื่นรับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้เผิญเรื่องราวแย่ๆ อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ มันสามารถทำให้เขาเห็นว่าคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน นั่นแหละ สำหรับผู้ฟังบางคนที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากคล้ายๆกัน การเล่าประสบการณ์ หรือสถานการณ์เหล่านี้จะช่วยพวกเขาได้เป็นอย่างดี การที่พวกเขาได้สะท้อนสิ่งเหล่านี้ผ่านการฟังจากคนอื่น มันจะสามารถช่วยให้ค้นพบแนวทางแก้ไขสำหรับไปใช้กับปัญหาของพวกเขาเอง
  • ช่วยให้เราได้ฝึกความกล้ากับตัวเอง: มันแน่นอนอยู่แล้วแหละ ความกลัวเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องประสบพบเจอ ดังนั้นความไม่สบายใจในการยอมรับกับความล้มเหลว หรือช่วงเวลาที่อ่อนแออื่นๆ มักจะเป็นอุปสรรคในการที่ทำให้เราพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้นต่อคนจำนวนมาก แต่อันที่จริงแล้ว การพยายามให้ตัวเองพบกับช่วงเวลาที่เปราะบางนั้นเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างน่าประหลาดใจ  เพราะฉะนั้นการเปิดใจแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองทั้งในด้านดีและไม่ดี ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก และความกล้าหาญนั้นต้องอาศัยการฝึกฝน
  • ใครๆ ก็จะหันมาชื่นชม: เมื่อเราก้าวผ่านความกลัวได้แล้วนั้น เรื่องราวต่างๆที่ผู้อื่นได้รับรู้ก็จะถือเป็นแรงบันดาลใจ บทเรียนให้กับผู้อื่น ดังนั้นไม่แปลกเลยที่จะมีคนมาให้กำลังใจและสนับสนุนเรามากขึ้นหลังจากที่พวกเขาได้รับฟังปัญหาเหล่านั้นแล้ว หากไม่มีใครรู้ถึงการต่อสู้ของเรา คนอื่นก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าจะให้กำลังใจ หรือสิ่งที่เราเอาชนะเพื่อมาถึงจุดที่เราอยู่ทุกวันนี้นั้นมันเป็นอย่างไร
  • ช่วยให้ได้ทบทวนถึงบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์นั้น: มุมที่ดีอีกอย่างของการแบ่งปันเรื่องราว คือการช่วยให้เราเข้าใจอดีตของตัวเองมากขึ้น อะไรที่เคยผิดพลาด? อะไรที่เราทำถูกแล้ว? การทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และวิธีที่เราได้จัดการกับสถานการณ์เหล่านั้นจะสามารถช่วยให้เราค้นพบว่า จะทำอย่างไรให้ดีขึ้นในอนาคต ควบคู่ไปกับการแบ่งปันเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ผู้อื่นได้เรียนรู้อีกด้วย

When you don’t share your problems, you resent hearing the problems of other people. –  Chuck Palahniuk (ชัก พอลานิก)

เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าใครบ้างที่ต้องการรับรู้ความเรื่องราวของเรา บางคนอาจกำลังทนทุกข์ และหาทางออกไม่เจอในตอนนี้ ดังนั้นเรื่องราวของเราอาจจะสามารถสร้างแรงบันดาลที่จะกำลังใจพวกเขาก็ได้นะ เพราะฉะนั้นหากเราเคยเจอเรื่องอะไรที่อยากมาแบ่งปันเป็นประสบการณ์ให้ผู้อื่น ก็อย่าลืมลองเปิดใจเล่าให้คนอื่นฟังล่ะ

อ้างอิง:Toren, M. (2015, September 24). 5 Ways You Benefit From Sharing Your Story Of Struggle. Entrepreneur. https://www.entrepreneur.com/leadership/5-ways-you-benefit-from-sharing-your-story-of-struggle/250641

รู้จักกับการเปิดโหมด Deep Work เพื่องานที่เรารักกันเถอะ

Highlights: จริงอยู่ที่การเป็น ‘Multitasker’ ในเวลานี้ค่อนข้างเป็นอะไรที่จำเป็นอย่างมากในยุคที่การแข่งขันสูงแบบนี้ การที่จะทำให้เราเป็นที่จับตามองขององค์กรนั้น ยิ่งมีผลงานเยอะ ก็อาจจะยิ่งถูกมองว่ามากประสบการณ์ก็เป็นได้ แต่ในความเป็นจริง การทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันมักจะให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพน้อยกว่า เพราะสมองของมนุษย์เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำอะไรหลายอย่างได้พร้อมกันยังไงล่ะ! ดังนั้น… จะดีกว่าไหมหากเราหันมาโฟกัสงานอย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาเดียวด้วย Deep Work? หากเราค้นหาคำว่าในอินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่จะเจอเกี่ยวกับ Deep Work คงหนีไม่พ้นหนังสือชื่อดังของ

เมื่อ Soft Skills แปรเปลี่ยนเป็น Power Skills

Highlights: ต้องยอมรับว่าหนึ่งในหัวข้อที่ฮอตฮิตมากที่สุดในแวดวงของธุรกิจในปัจจุบันนี้คือ การเพิ่มทักษะ (Upskilling) และการปรับทักษะใหม่ (Reskilling) เกี่ยวกับอนาคตของการทำงาน (Future of Work) องค์กรต่างๆ กำลังคว้านหาคอร์สเรียนจำนวนมากเพื่อพยายามที่จะ “เพิ่มทักษะ” ให้กับพนักงานของตัวเอง และพวกเขาเห็นผลลัพธ์ที่หลากหลาย Skills แบบไหน ที่องค์กรต่างใฝ่ฝันถึง? ปกติแล้วนั้นสกิลของพนักงานที่องค์กรมองหาจากพนักงาน มักจะหมายถึง

Breaking orthodoxies จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..? – มาหัดตั้งคำถามให้องค์กรเติบโตกันเถอะ

Highlights: ด้วยโลกในปัจจุบัน บางบริษัทเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าปรับตามให้ทันยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการรักษาตำแหน่งทางการตลาดในปัจจุบัน และขอแค่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มีอยู่มากกว่าที่จะคว้านหาการสร้างโอกาสใหม่ และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่มักจะทำให้พวกเขาต้องถึงทางตันในการทำธุรกิจ ดังนั้น ทางออกแบบไหนกันที่จะทำให้องค์กรที่ไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้เติบโตได้? รู้จัก Breaking Orthodoxies (การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ) การทำลายความเชื่อดั้งเดิมในธุรกิจ การท้าทายและตั้งคำถามถึงวิธีการทำสิ่งต่างๆ แบบเดิมๆ ออร์ทอดอกซ์เป็นข้อสันนิษฐาน หรือความเชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นจริงในอุตสาหกรรม ตลาด